เมื่อวันที่ 6 เมษายน 64 ที่ จ.ตรัง เจ้าหน้าที่ร่วมกันตามครอบครัวชนเผ่ามันนิ หรือเผ่าซาไก ที่พาทารกเพศหญิง อายุ 77 วัน หนีออกจาก รพ.ศูนย์ตรัง เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการค้นหามาแล้ว 12 วันแล้ว ยังไม่ทราบชะตากรรมของ 3 ชีวิต
การค้นหาครั้งนี้สืบเนื่องจากช่วงเดือนธันวาคม 2563 หญิงเผ่ามันนิ อายุครรภ์ประมาณ 6 เดือน ได้คลอดลูกก่อนกำหนดและเข้ารักษาตัวที่ รพ.ปะเหลียน ก่อนส่งต่อมาที่ รพ.ศูนย์ตรัง มีน้ำหนักแรกเกิดอยู่ที่ 700 กรัม จนกระทั่งมีน้ำหนักขึ้นมาถึง 1,400 กรัม มีอาการผิดปกติทางร่างกาย ตัวซีด ตาเหลือง และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทำให้ต้องทำการรักษาอยู่ในตู้อบภายในห้อง เอ็นไอซียู (NICU) หอผู้ป่วยวิกฤติทารกแรกเกิด มีทีมแพทย์พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และเตรียมที่จะนำตัวส่งไปรักษาตัวต่อที่ รพ. สงขลานครินทร์ (มอ.) จ.สงขลา



ต่อมาวันที่ 26 มีนาคม สามีภรรยาเกิดกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะนำลูกไปที่อื่นจึงได้แอบนำเอาตัวลูกน้อย ออกจากตู้อบเด็กภายในห้องเอ็นไอซียู หลบหนีออกจาก รพ.ศูนย์ตรัง โดยการปีนรั้วกำแพงเหล็กข้างโรงพยาบาลหลบหนีออกมา และเดินหนีไปทางสถานที่รับฝากรถ ของเอกชน โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้เวลา 04.09 น.
นายวิเชษฐ์ กำนัน ต.ปะเหลียน กล่าวว่า ตนเองได้รับทราบข่าวจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 ว่ามีคู่รักมันนิหลบหนีออกมาจาก รพ.ศูนย์ตรัง จึงได้ประสานไปยังกลุ่มชนเผ่าทำให้ร่วมกันออกหาตามแนวริมเทือกเขาบรรทัดไปจนถึงในเขตพื้นที่ จ.พัทลุง แต่ไม่พบตัว และยังไม่กลับมาที่กลุ่ม จึงได้แจ้งไปยังนายอำเภอปะเหลียนรับทราบเรื่อง และประสานไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าคลองตงเพื่อให้ติดตามกลุ่มชนเผ่า แต่ก็ไม่พบตัวและได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ รพ.ศูนย์ตรังก็พบว่ามีการหลบหนีออกมาจริง และได้ค้นหาต่อ จนไปพบรองเท้าแตะจำนวน 2 คู่ และร่องรอยการขุดเผือก ขุดมัน ในบริเวณใกล้กับ รพ.ศูนย์ตรัง ก่อนยุติการค้นหา


