(ตรัง) วันที่ 13 ตุลาคม ได้เกิดเหตุการณ์พนังกั้นน้ำแม่น้ำตรังบริเวณปากคลองแม่น้ำ พื้นที่ หมู่ 1 ต.หนองตรุด อ.เมือง ซึ่งเป็นจุดที่กำลังก่อสร้างประตูน้ำ โครงการคลองลัดน้ำของชลประทานซึ่งเป็นคันดินจนพังทลายลงระยะทางกว่า 50 เมตร และกระแสน้ำยังคงซัดพนังพังต่อเนื่อง จนทำให้มวลน้ำภายในแม่น้ำตรัง ซึ่งเป็นที่รองรับมวลน้ำจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมวลน้ำไหลบ่าทะลักเข้าภายในแก้มลิง หรือคลองผันน้ำของโครงการดังกล่าว ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างมาเป็นระยะเวลานาน แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และทำให้มวลน้ำจำนวนมากดังกล่าวไหลบ่าเข้าในพื้นที่ลุ่มต่ำ หมู่ 1 หมู่ 3 หมู่ 4 หมู่ 7 ต.หนองตรุด และหมู่ 4 ต.บางรัก รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงโดยทันที คาดว่าหลังจากนี้มวลน้ำจำนวนมากจากปัญหาพนังกั้นแม่น้ำตรังจะสร้างความเดือดร้อนไหลบ่าเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนอีกเกือบ 100 กว่าหลังคาเรือน

ชาวบ้านในพื้นที่ ต.บางรัก ต่างเร่งอพยพขนย้ายข้าวของกันอย่างจ้าละหวั่น เนื่องจากมวลน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว และเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านต่างนำของที่เปียกน้ำขึ้นมาพักพิงชั่วคราวบนถนนสายตรัง-สิเกา ท่ามกลางฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตลอดเวลา

ทั้งนี้มวลน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้ซัดสะพานเหล็กชั่วคราว ที่ประชาชนใช้สัญจรระหว่างหนองตรุด-บ้านหลังเขา จนทำให้คันดินที่อยู่ริมสะพานทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง และมวลน้ำได้ซัดตอม่อสะพานอย่างรุนแรง ทำให้เจ้าหน้าที่ สภ.หนองตรุด เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้นำป้ายสั่งห้ามใช้สะพานและปิดเส้นทางดังกล่าวชั่วคราว โดยหวั่นเกรงว่าสะพานดังกล่าวจะพังลง โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยอำนวยความสะดวกแต่ประชาชนต้องอ้อมไปใช้อีกเส้นทางหนึ่งในการเข้าออกพื้นที่
นายวิทยา แก้วท่าแค เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพิบัติ ต.หนองตรุด กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าว เคยเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันมาก่อนแล้วเมื่อปี 2560 เกิดเหตุพนังกั้นน้ำซึ่งเป็นคันดินถล่มมาแล้ว ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.หนองตรุดพนังกั้นน้ำถูกกระแสน้ำเซาะเสียหายแล้วหลายจุดพนังกั้นน้ำตรงนี้เป็นพื้นที่ก่อสร้างทำคลองแก้มลิง แต่ทางชลประทานเป็นผู้รับเหมาต่อมาขุด โดยทางผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน ได้ห้ามไว้ไม่ให้ขุดเพราะเป็นที่ดินเดิม เกรงว่าจะหักพัง แต่ทางชลประทานยืนยันว่าจะขุดและจะเป็นผู้รับผิดชอบเองหากหักพังลงมา ซึ่งโครงการขุดคลองตอนนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ ครั้งนี้หักเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
